• รับส่วนลดสูงสุด 50% ดีลสุดคุ้ม - ประหยัดมากขึ้นด้วยคูปอง

โปรโมชั่นพิเศษสำหรับเดือนนี้

ดีลสุดคุ้ม สั่งซื้อสินค้าวันนี้

ประหยัดมากขึ้นด้วยคูปองลดสูงสุด 70%

เลือกช็อปเลยตอนนี้
ช็อปเลย

โปรโมชั่นมาใหม่

สินค้ายอดนิยม คอลเลกชันที่ยอดเยี่ยม

ประหยัดมากขึ้นด้วยคูปองและส่วนลดสูงสุด 20%

คลิกเลยตอนนี้
ดูเพิ่มเติม

New Arrivals

Featured Brands

ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ หลาย ๆ คนคงมีทริปไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์กันใช่มั้ยล่ะคะ ยิ่งเป็นวัยรุ่นวัยมหาวิทยาลัยหลาย ๆ คนก็กำลังปิดเทอมอยู่พอดี กิจกรรมในช่วงหน้าร้อนก็คงจะหนีไม่พ้นการเที่ยวทะเล น้ำตก รวมไปถึงกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมให้เลือดได้สูบฉีดไปทั่วร่างกาย ซึ่งไหน ๆ ก็ไปลุยกันถึงที่แล้ว หากไม่ได้เก็บภาพกลับไปก็คงเสียดายแย่ ดังนั้นครั้งนี้เราจึงขอนำเสนอ “กล้องถ่ายรูปกันน้ำ” หรืออุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับพกไปถ่ายใต้น้ำหรือถ่ายขณะเล่นน้ำ สาดน้ำกันให้เต็มที่ ซึ่งกล้องถ่ายรูปกันน้ำในปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อที่ฮิตกัน ไม่ว่าจะเป็น Gopro, Olympus, Fuji หรือ Sony ทำให้หลายคนตัดสินใจเลือกยากว่า อย่างเรา ต้องเลือกกล้องกันน้ำแบบไหน ยี่ห้อไหนกันดี?

วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำ ไปพร้อม ๆ กับแนะนำ 10 อันดับกล้องถ่ายรูป กันน้ำ ยอดฮิตขายดี ที่สามารถซื้อออนไลน์ได้ ซึ่งหวังว่าเมื่อผู้อ่านได้ลองอ่านบทความนี้แล้ว จะสามารถเลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง และใช้ได้ไปนาน ๆ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียและเลือกให้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของเรากันนะคะ
กล้องถ่ายรูปกันน้ำ ความหมายก็ตามตัวอักษรคือเป็นกล้องถ่ายรูปที่สามารถกันน้ำได้ แต่ไม่ใช่แค่กันน้ำสาดโดน หรือการโดนน้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่เป็นกล้องที่มีความประสิทธิภาพในการกันน้ำระดับที่สามารถใช้ถ่ายภาพใต้น้ำได้ เช่นกล้องที่ใช้เวลาไปดำน้ำเป็นต้นค่ะ
เมื่อพูดถึงกล้องถ่ายรูปกันน้ำ ด้วยความที่เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้หลายคนเลือกที่จะซื้อตามคนอื่นแต่กลับได้กล้องที่ตัวเองใช้ไม่ถนัด ใช้งานได้ไม่นานก็เบื่อแล้ว ดังนั้นแทนที่จะเสียเงินซื้อกล้องใหม่ทุกครั้งที่ออกทริป เรามาตัดสินใจซื้อกล้องที่สามารถใช้ได้นานๆ ด้วยวิธีการเลือกแบบนี้กันดีกว่า
สำหรับการซื้อกล้องถ่ายรูปกันน้ำ อย่างแรกที่ควรเช็คเลยก็คือประสิทธิภาพในการใช้งานกลางแจ้ง ได้แก่ คุณสมบัติในการกันน้ำ, กันฝุ่น และทนทานต่อแรงกระแทกค่ะ
ด้วยความที่เป็นกล้องกันน้ำ คุณสมบัติแรกที่ควรนึกถึงจึงเป็นการกันน้ำค่ะ แต่คุณสมบัติกันน้ำนั้นก็มีหลายระดับด้วยกัน ซึ่งกล้องกันน้ำทั่วไปในท้องตลาดจะออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ในระดับน้ำลึก 3-10 เมตร สำหรับคนที่เล่นน้ำปกติหรือดำน้ำในระดับตื้น ๆ แต่กล้องถ่ายภาพใต้น้ำที่ดีและคุ้มค่าที่สุด ควรสามารถเก็บภาพได้ในระดับความลึก 10 เมตรเป็นอย่างน้อยค่ะ
สำหรับการดำน้ำลึกที่ต้องพกถังออกซิเจนไปด้วย เพื่อเก็บภาพสิ่งมีชีวิตใต้น้ำหรือปะการัง ควรเลือกกล้องที่สามารถใช้งานได้ในระดับน้ำลึก 30 เมตรขึ้นไป อย่างไรผู้อ่านก็ลองคาดเดาดูคร่าว ๆ ว่าจะนำไปใช้ในระดับน้ำลึกแค่ไหนแล้วเลือกกล้องที่เหมาะสมกับการใช้งานให้มากที่สุดนะคะ
ขึ้นชื่อว่าออกทริปถ่ายรูปนอกสถานที่ ย่อมมีปัญหาฝุ่นเข้าไปในตัวกล้องแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทรายตามชายหาดหรือเศษดินที่พัดมาตามลม ซึ่งฝุ่นละอองและเศษผงเหล่านี้มักจะสร้างปัญหาให้กับกล้องของเรา เช่น ปัญหาทรายข่วนหน้าเลนส์ ฝุ่นเกาะเซนเซอร์ เป็นต้น ดังนั้นเราจึงควรเลือกกล้องกันน้ำที่มีคุณสมบัติในการกันฝุ่นในตัวด้วย
คนเล่นกล้องกันน้ำหลายๆ คนคงเคยเห็นสัญลักษณ์ IP○△ ข้างๆตัวกล้องและกล่องใส่กล้องกันใช่มั้ยล่ะคะ? IP○△ เป็นสัญลักษณ์ที่บอกความสามารถในการกันน้ำและกันฝุ่นของกล้องถ่ายรูปกันน้ำตัวนั้นๆ ซึ่งตัวเลขที่ใส่ใน ○ คือเกรดที่บอกความสามารถในการกันฝุ่น ส่วนตัวเลขที่ใส่ใน △ เป็นเกรดที่บอกความสามารถในการกันน้ำ
อย่างไรก็ตาม เราจะมาโฟกัสกันที่เกรดที่บอกความสามารถในการกันฝุ่น ซึ่งจะมีเกรดอยู่ที่ 0 ถึง 6 สำหรับกล้องถ่ายรูปกันน้ำคู่ใจที่เหมาะจะนำไปผจญภัยในทุกทริปของเรานั้นควรอยู่ในเกรด 6 หรือ IP 6 Δ นั่นเองค่ะ
ความสามารถในการกันฝุ่น แบ่งตามเกรด
เกรด 1 : ป้องกันได้น้อยที่สุด กันของแข็งที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 mm ขึ้นไป (ประมาณกำปั้นมือ)
เกรด 2 : กันของแข็งที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12.5 mm ขึ้นไป (ประมาณนิ้วมือ)
เกรด 3 : กันลวด, สายไฟและของแข็งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 mm ขึ้นไป
เกรด 4 : กันลวด, สายไฟและของแข็งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 mm ขึ้นไป
เกรด 5 : กันฝุ่นที่ทำอันตรายต่อกล้องได้ทั่วไป
เกรด 6 : กันฝุ่นและเศษละอองไม่ให้เข้าตัวกล้อง มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นมากที่สุด
อีก 1 ปัญหาของการถ่ายรูปเมื่อออกทริปข้างนอกคือโอกาสที่เราจะทำกล้องกระทบ กระแทกหรือทำตกหล่นนั้นเกิดขึ้นได้ ยิ่งเวลาไปเที่ยวกับครอบครัวแล้วมีบรรดาน้องเล็กซน ๆ ไปด้วย ซึ่งความซนของเด็ก เมื่อเห็นกล้องมักจะเข้ามาเล่นกล้องจนเผลอทำตกแตก เสียหายได้ ดังนั้นเราจึงต้องเลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่มีคุณสมบัติกันกระแทก เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ส่วนใหญ่แล้ว กล้องที่ผ่าน Drop Test หรือการทดสอบแรงกระแทก มักจะมีค่าตัวเลขที่บอกว่าสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ดีขนาดไหน ยิ่งค่าตัวเลขสูง คุณสมบัติทนต่อแรงกระแทกยิ่งสูงไปด้วย แต่ก็ไม่แนะนำให้เอากล้องไปโยนเล่นหรือลองทดสอบโยนกล้องจากที่สูงเองนะคะ ค่าตัวเลขที่ปลอดภัยคือ 2 เมตรขึ้นไป ซึ่งจะทำให้คุณสามารถใช้กล้องถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ ในทุกที่ ทุกสถานการณ์เลยล่ะค่ะ
หากเราซื้อกล้องมาในราคาแพง แต่ภาพที่ได้ดันแตก เบลอ มันก็น่าเสียดายใช่มั้ยล่ะคะ ดังนั้น ก่อนซื้อกล้องถ่ายรูปกันน้ำ ควรเช็คความละเอียดและช่วงซูมของกล้องทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ภาพและขนาดของภาพที่ต้องการค่ะ
พิกเซล (Pixel) เป็นหน่วยบอกความละเอียดภาพ ซึ่งส่งผลต่อความคมชัดของภาพเวลาขยายให้ใหญ่ขึ้น (ยิ่งจำนวนพิกเซลเยอะ ยิ่งได้ภาพขนาดใหญ่คมชัด) ส่วนมากการบอกจำนวนพิกเซล จะบอกเป็นแนวนอน x แนวตั้ง เช่น 1024 x 768 pixel และหน่วยภาพอีกหน่วยที่เรามักจะเจอในการเลือกซื้อกล้องคือหน่วย megapixel หรือล้านพิกเซล ถ้าเจอคำว่า 5 megapixel อยู่ในสเปคของกล้อง แสดงว่ากล้องตัวนั้นมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลนั้นเองค่ะ
ความละเอียดมาตรฐานของภาพควรมีจำนวน 2 ล้านพิกเซลขึ้นไป ซึ่งเป็นขนาดที่ชัดพอดี ไม่แตก ไม่เบลอ อัดออกมาแล้วได้รูปถ่ายขนาด 3.5 x 5 นิ้ว ในขณะที่ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล เหมาะกับภาพขนาด A4, 7 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับภาพขนาด A3 และความละเอียด 10 ล้านพิกเซล เหมาะกับภาพโปสเตอร์
ถ้าต้องการอัดภาพใส่กระดาษที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ ก็ควรเลือกกล้องถ่ายรูปที่มีจำนวนพิกเซลมากขึ้นไปอีก แต่สำหรับการถ่ายภาพเพื่อลงในบล็อก (Blog) หรือโซเชียลส่วนตัวอย่าง Facebook, Instagram, Twitter จำนวนพิกเซลน้อย ๆ อย่าง 2 ล้านพิกเซลก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ
นอกจากนี้ งบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญในการเลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำด้วย กล้องถ่ายรูปพวกนี้ ถ้ามีความละเอียดสูง ก็จะยิ่งราคาแพงขึ้นไปอีก ดังนั้น ลองสำรวจสไตล์การอัดภาพของตัวเองดูนะคะว่าต้องการรูปภาพขนาดใหญ่เท่าใด เพื่อความคุ้มค่ากับงบประมาณนั่นเองค่ะ
โดยปกติแล้ว กล้องดิจิตัลนั้นจะมีระบบซูม 2 แบบคือ Digital Zoom กับ Optical Zoom ซึ่ง Digital Zoom คือการนำภาพมาขยายหรือการครอปให้ใกล้ขึ้น ภาพที่ได้จึงมักแตก ไม่คมชัด ส่วน Optical Zoom คือการซูมโดยดึงภาพเข้ามาให้ใกล้ขึ้น ซึ่งการซูมแบบนี้จะไม่ส่งผลต่อความละเอียดของภาพ คุณภาพของภาพที่ได้ก็จะคมชัด ไม่แตกเหมือนแบบ Digital Zoom
เวลาที่เราถ่ายภาพใต้น้ำเนี่ย ก็จะมีซอกหลืบหรือสัตว์น้ำที่เราไม่สามารถเข้าใกล้เพื่อเก็บภาพได้ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะเหตุนี้เราจึงแนะนำให้เลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่มี Optical Zoom ซึ่งจะช่วยให้เราถ่ายภาพระยะไกลในความละเอียดที่สูงได้อย่างปลอดภัยเลยล่ะค่ะ
ค่ารูรับแสงหรือที่หลายๆคนเรียกกันติดปากว่า “ค่า f (f-value)” เป็นค่าที่ควบคุมการเปิดรับแสงที่ผ่านเข้ามาในไดอะแฟรม ยิ่งค่า f น้อย (หรือที่เรียกกันว่า เปิด f กว้างๆ) เราจะยิ่งได้ภาพที่สว่างและเป็นภาพชัดตื้น (หน้าชัดหลังเบลอ) ที่โฟกัสให้วัตถุโดดเด่นขึ้นมา
ในระดับน้ำลึกเนี่ย จะเป็นที่ ๆ แสงเข้าไปไม่ถึง ภาพก็จะออกมามืด ดังนั้น การเลือกใช้กล้องที่สามารถเปิดค่ารูรับแสงได้กว้าง ก็จะทำให้เราได้ภาพที่ไม่มืดเกินไป ซึ่งค่า f ที่เราแนะนำจะอยู่ที่ 2.8 ค่ะ
ทางยาวโฟกัสคือระยะห่างจากเลนส์ถึงจุดโฟกัส(เซ็นเซอร์หรือฟิล์มในกล้อง) โดยจะเขียนระบุไว้เป็นระยะ เช่น 25mm-100mm ยิ่งตัวเลขมีค่าน้อยก็จะถ่ายภาพได้ในระยะกว้าง ถ้าตัวเลขมีค่ามากก็จะถ่ายภาพได้ในระยะไกล เวลาเลือกซื้อเราจึงควรพิจารณาว่าเราอยากได้ภาพในลักษณะใด ถ้าอยากได้ภาพแนวกว้างเห็นวิวโดยรวมก็ให้เลือกกล้องที่ค่าทางยาวโฟกัสต่ำ ๆ ถ้าอยากถ่ายซูมให้เห็นวัตถุไกล ๆ ก็ให้เลือกกล้องที่ทางยาวโฟกัสสูง ๆ ค่ะ
หลังจากกลับจากทริปในวันหยุดยาวแล้วลองเปิดกล้องดูรูปภาพที่ถ่ายมา ถ้ารูปที่ได้ดันเป็นรูปที่เบลอเพราะกล้องสั่นล่ะ ก็คงเสียอารมณ์มาก ๆ เพราะจะให้กลับไปถ่ายใหม่ก็ไม่ได้แล้ว แต่การถ่ายภาพใต้น้ำโดยที่ภาพไม่สั่นเลยคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น เราควรเลือกกล้องที่มีคุณสมบัติกันสั่นในตัว เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดและนิ่งที่สุด
หากเน้นการถ่ายภาพให้ได้คุณภาพ ไม่สั่นแม้ต้องมีการเคลื่อนไหวเยอะ ๆ แนะนำให้เลือกกล้องที่มีระบบกันสั่นแบบ Optical Image Stabilization (OIS) ซึ่งจะเซ็นเซอร์จะเคลื่อนตัวเพื่อลดการสั่นไหวก่อนจะทำการถ่ายภาพ ทำให้ภาพออกมาชัดเจนมากกว่า แต่ราคาก็จะค่อนข้างสูงค่ะ
หากอยากได้ภาพที่สวยพอประมาณด้วยงบที่ประหยัด แนะนำกล้องที่มีระบบกันสั่นแบบ Electronic Image Stabilization (EIS) ซึ่งเป็นระบบการตกแต่งภาพ ชดเชยการสั่นเพื่อให้ได้ภาพที่ถูกต้องหลังจากที่ถ่ายภาพเสร็จแล้ว ซึ่งการตกแต่งภาพก็มีความสามารถที่จำกัด ภาพที่ออกมาอาจจะไม่สวยเท่าระบบ OIS แต่จะมีราคาที่ถูกกว่า ซึ่งถ้าหากต้องการประหยัดงบ การเลือกกล้องที่ใช้ระบบกันสั่นแบบ EIS ที่มีราคาถูกกว่าก็ถือว่าเพียงพอแล้วและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากล้องที่ไม่มีระบบกันสั่นแน่นอนค่ะ
เวลาดำน้ำหรือทำกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมต่าง ๆ เรามักต้องการความคล่องตัว แต่ถ้าหากกล้องถ่ายรูปที่เราใช้มีขนาดใหญ่ มีกลไกการใช้งานที่ซับซ้อน ยิ่งอยู่ในน้ำที่มีแรงต้านทาน ยิ่งขยับมือได้ยากขึ้นไปอีก แบบนี้เราคงจะพลาดช็อตสำคัญไปแน่ ๆ เลยใช่มั๊ยล่ะคะ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่มีขนาดเล็ก ใช้งานง่ายและพกพาสะดวก เพื่อความรวดเร็วในการถ่ายค่ะ
นอกจากนี้ อีกจุดที่ต้องใส่ใจมาก ๆ เลยก็คือ ขนาดของปุ่มกดชัตเตอร์ เพราะเวลาที่เราอยู่ใต้น้ำแล้วสวมใส่ถุงมือนั้น จะทำให้กดปุ่มชัตเตอร์ยากขึ้น ดังนั้นควรเลือกที่มีปุ่มชัตเตอร์ใหญ่ ๆ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน
ขึ้นชื่อว่าเป็นกล้องถ่ายรูปกันน้ำ แต่ก็ใช่ว่าจะเอามาถ่ายรูปใต้น้ำอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ สาว ๆ อย่างเราก็ต้องถ่ายเซลฟี่เก็บไว้บ้างใช่มั้ยล่ะคะ?
ดังนั้น หากเลือกกล้องที่มีหน้าจอหมุนพับได้หรือแบบที่เป็นจอ LCD ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการถ่ายเซลฟี่มาก ๆ ยิ่งถ้ามีโหมดปรับหน้าเนียนด้วยล่ะก็ สาว ๆ คงอยากจะพกไปด้วยทุกทริปเลยเชียวค่ะ
คนที่นาน ๆ ทีถึงจะมีโอกาสไปถ่ายภาพใต้น้ำ จะให้ซื้อกล้องกันน้ำโดยเฉพาะก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้คุ้มหรือเปล่า การซื้อแต่เคสกันน้ำไปก่อนก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ ปัจจุบันนอกจากเคสกันน้ำสำหรับกล้องถ่ายรูปแล้วยังมีเคสกันน้ำสำหรับสมาร์ทโฟนออกจำหน่ายด้วย แม้เรื่องฟังก์ชันต่าง ๆ อาจจะสู้กล้องกันน้ำโดยเฉพาะไม่ได้ แต่ก็ทำให้เราสนุกกับการถ่ายภาพในน้ำได้ง่ายขึ้น เอาไว้คิดถ่ายภาพใต้น้ำจริงจังเมื่อไหร่ค่อยซื้อกล้องกันน้ำทีหลังก็ไม่สายค่ะ
ในส่วนนี้ จะเป็นการแนะนำกล้องถ่ายรูปกันน้ำ 10 อันดับ ซึ่งเราได้รวบรวมจากฟีดแบคและรีวิวผู้ใช้จริง จะมีกล้องตัวไหนที่ถูกใจผู้อ่านกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
กล้องคอมแพคกันน้ำจากค่าย SJCAM ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 2 นิ้ว ทำให้สามารถมองภาพได้ชัดเจนขึ้น ความละเอียดภาพสูงถึง 12 megapixel วิดีโอมีความละเอียดสูงสุด 1080P 30FPS แต่ที่โดนใจพวกเรามากๆเลยก็คือ มี WIFI ซึ่งสามารถรองรับระบบ Android และ IOS ส่งภาพลงโซเชียลกันสนุกเลยล่ะ

จุดเด่นที่เท่มาก ๆ ของกล้องตัวนี้คือ การชดเชยแสงสีแดง ซึ่งเป็นแสงสีที่ขาดหายไปจากการถ่ายรูปใต้น้ำนั่นเอง ทำให้ภาพที่ออกมาไม่ติดสีฟ้ามากเกินไป ภาพดูสมจริง มีชีวิตชีวา สามารถเก็บรายละเอียดภาพใต้น้ำได้ครบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมไมโครโฟนในตัว แบตเตอรี่อยู่ได้นานถึง 70 นาที อย่างไรก็ตาม ยังขาดคุณสมบัติกันสั่นไป จึงอาจต้องใช้ทักษะเล็กน้อยในการถ่าย
กล้องตัวนี้เมื่อใช้ร่วมกับเคส (ซื้อแยก) สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 60 เมตร ให้ภาพคมชัดที่ความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงที่ F2.8 แบตเตอรี่ทนทานกว่าหลาย ๆ ยี่ห้อ ถ่ายได้จุใจ แถมยังรองรับระบบ Wifi ในตัว ควบคุมการทำงานได้ผ่านสมาร์ทโฟน

หากคุณเป็นนักเล่นกล้องมือใหม่ที่อยากลองซื้อกล้องกันน้ำตัวเล็ก ๆ มาลองใช้ดูก่อน กล้องตัวนี้รับรองว่าไม่มีผิดหวังเพราะใช้งานได้ง่าย แถมมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 72 กรัม ซึ่งน้อยกว่ากล้องถ่ายรูปกันน้ำยี่ห้ออื่นถึงเกือบ 2 เท่าเลยทีเดียว ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก
แม้ราคาจะไม่แพงแต่กล้องจาก Nanotech เป็นหนึ่งในกล้องที่ตอบโจทย์คนรักกิจกรรม การผจญภัยต่าง ๆ Outdoor ที่นอกเหนือไปจากการว่ายน้ำ ด้วยอุปกรณ์เสริมที่ครบครันที่ช่วยให้คุณพกพาไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเล่นสกี ขี่จักรยานและอื่น ๆ

กล้องให้ความละเอียดภาพสูงสุดที่ 16 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายรูปต่อเนื่องได้ 5 ช็อต และมีฟังก์ชันถ่ายภาพแบบ Slow Motion ให้เล่นสนุก ๆ ด้วย ผู้ใช้บางท่านคอมเม้นท์ไว้ว่าไม่สามารถถ่ายรูปในที่มือได้ดีนักค่ะ จุดเด่นอีกอย่างของกล้องรุ่นนี้คือมีรีโมทคอนโทรลเป็นสายรัดติดข้อมือให้สายเอ็กซ์ตรีมใช้กล้องได้ทุกอิริยาบท ถือว่าเป็นกล้องราคาดีที่น่าลองใช้อีกตัวหนึ่งค่ะ
หากใครที่กำลังประสบปัญหาไปเที่ยวกับเด็กหรือชอบทำกิจกรรมผาดโผนบ่อย ๆ กล้อง Nikon รุ่น COOLPIX W100 จะสามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีจุดเด่นในการป้องกันการตกกระแทกพื้นถึง 1.8 เมตร หมดปัญหากล้องพัง กล้องแตก แถมยังกันฝุ่นได้ดี เหมาะสำหรับขาลุยมาก ๆ

กล้องตัวนี้ยังใช้เซ็นเซอร์ CMOS ที่ประมวลผลเร็วกว่าเซ็นเซอร์แบบเก่า ความละเอียดสูงถึง 13.2 ล้านพิกเซล สามารถกันน้ำได้ในระดับความลึกสูงสุด 10 เมตร ปุ่มควบคุมการทำงานใช้ได้ง่าย มาพร้อมกับจอ LCD กว้างถึง 2.7 นิ้ว ช่วยให้มองเห็นภาพชัดเจน ทั้งยังมีหลายสีให้เพลิดเพลิน
กล้องตระกูล COOLPIX มาพร้อมเลนส์ NIKKOR ที่สามารถซูมออพติคอล (Optical Zoom) ได้ 5 เท่า ให้เราได้เก็บภาพสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ใต้ท้องทะเลได้อย่างสบายใจ ขนาดรูรับแสงกว้างสุดที่ f/2.8 ความละเอียดภาพสูงถึง 16 ล้านพิกเซล รับรองว่าได้ภาพคมชัดกว่ากล้องกันน้ำหลาย ๆ ยี่ห้อแน่นอน

ที่เราเกริ่นไว้ว่ากล้องตัวนี้นับเป็นคู่ใจของสายเอ็กซ์ตรีมก็เพราะความสามารถในการกันน้ำในระดับน้ำลึก 30 เมตร กันกระแทกที่ความสูง 2.4 เมตร มีกริปจับกระชับมือและปุ่มลั่นชัตเตอร์ที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะมากกับคนที่ชอบถ่ายรูปในที่แคบหรือที่มืดที่แสงสว่างส่องเข้าไปไม่ถึง เพราะกล้องตัวนี้มีปุ่มไฟ LED ช่วยอำนวยความสะดวก
กล้อง GoPro HERO7 ตัวนี้ภายนอกดูคล้ายกับรุ่นเก่าจนแทบแยกไม่ออก แต่คุณสมบัติที่พัฒนาขึ้นมาให้เหนือกว่าตัวเก่าก็คือ การรองรับการถ่ายวิดิโอ 4K 60 เฟรม/วินาที ถ่ายภาพในที่มืดได้คมชัดกว่าเดิมและสามารถซูมภาพได้ผ่านระบบสัมผัส สั่งงานด้วยเสียงได้ 16 ชนิดเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

เรื่องคุณสมบัติกันน้ำยังทำได้เท่ารุ่นเก่า จึงแนะนำให้หาซื้อ Housing มาใส่เพื่อเพิ่มศักยภาพการกันน้ำลึก อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ไฟล์วิดีโอพัฒนาขึ้นมาก คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนบางยี่ห้อที่สเปกน้อย ๆ อาจจะรองรับไม่ไหว ดังนั้น ก่อนซื้ออย่าลืมตรวจสอบสเปกของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะนำภาพ/วิดีโอไปลงด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดได้ภาพสวย ๆ แต่อัพโหลดลงไม่ได้
กล้องตัวเล็กจากค่าย Eken มีระบบ White balance ที่ทำให้ได้สีใกล้กับภาพจริง คุณภาพรูปและวิดีโอคมชัด มาพร้อมเคสกันน้ำ 30 เมตร เหมาะสำหรับคนที่พร้อมลุยในทุก ๆ กิจกรรมโลดโผน ซึ่งสามารถใช้ถ่ายรูปได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องกลัวแบตหมดเลยเพราะว่ากล้องตัวนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 1050mAh ถ่ายได้ยาว ๆ เลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังโดดเด่นเพราะมีรีโมทควบคุมการทำงานที่กันน้ำได้ถึง 15 เมตรและอุปกรณ์เสริมจำนวนมากมาให้ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ที่สำคัญราคาถูกกว่ากล้องถ่ายรูปกันน้ำสเปกเดียวกันหลาย ๆ ยี่ห้อ
สำหรับคนที่รักการผจญภัย เป็นสายกิจกรรมชอบบุกน้ำลุยไฟหรือแม้แต่ลุยน้ำแข็ง Fujifilm ก็ทำกล้องออกมาเพื่อเอาใจคุณเลยล่ะ ซึ่งกล้องตัวนี้โดดเด่นที่ระบบป้องกันทั้ง 4 ไม่ว่าจะเป็นระบบกันน้ำ (ลึกสูงสุด 20 เมตร) ระบบกันกระแทก (จากความสูง 1.75 เมตร) ระบบป้องกันอุณหภูมิ (สามารถนำไปถ่ายได้ในอุณหภูมิต่ำสุดคือ -10 องศาเซลเซียส) และระบบกันฝุ่น/ทราย

นอกจากนี้ยังมีความละเอียดถึง 16.4 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าสูงกว่ากล้องกันน้ำทั่วไป มาพร้อมคุณสมบัติกันสั่น ทำให้ได้ภาพที่สมจริงและคมชัด ควบคุมการทำงานได้ง่าย ๆ ผ่านระบบ Wifi
กล้องขนาดกะทัดรัด แต่สเปคจัดเต็มด้วยค่ารูรับแสง f 2.0 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผจญภัยใต้น้ำ รองรับการถ่ายวิดิโอ 4K มาพร้อมระบบกันสั่น 5 แกน กันความเย็น กันกระแทกที่ความสูง 2.1 เมตรและกันน้ำลึกได้สูงสุด 30 เมตร มีระบบ WIFI ในตัว หน้าจอพับได้ถึง 90 องศา มีลักษณะการใช้งานคล้ายๆ กล้องถ่ายวิดีโอรุ่นเก่าๆ จับได้ถนัดมือ

นอกจากนี้ยังมีปุ่มชัตเตอร์ขนาดใหญ่ กดได้ง่ายๆ แม้จะใส่ถุงมืออยู่และมีไฟ LED ที่ทำหน้าที่เป็นไฟฉายในตัว เพิ่มความสว่างเมื่อต้องใช้งานในที่มืด
Action Cam คุณภาพจากค่ายโซนี่ ซึ่งตัวนี้นอกจากจะมีสเปกจัดเต็มมาก ๆ แล้วยังมาพร้อมรีโมท Live View และเคสกันน้ำลึกถึง 60 เมตรที่สามารถกันฝุ่นกันกระแทกได้ในตัว เพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการถ่ายหรือบันทึกภาพ ดีไซน์เรียบสวย ควบคุมการทำงานได้ง่าย

ตัวชูโรงของกล้องตัวนี้ก็คือ เลนส์ Carl Zeiss อันโด่งดังมายาวนาน ให้ภาพคมชัดสมจริงกว่าเลนส์ทั่วไป พร้อมระบบกันสั่น Balanced Optical SteadyShot ซึ่งมีประโยชน์ในการถ่ายวิดีโอมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีไมค์รับเสียงในตัว เหมาะกับเหล่า Vlogger ที่ชอบถ่ายคลิปวิดีโอท่องเที่ยวลงในโซเชียล
เห็นราคากล้องถ่ายรูปกันน้ำข้างบนแล้ว หลาย ๆ คนก็คงจะเหงื่อตกเลยนะคะ สำหรับคนที่อยากจะเอากล้องไปใช้ในทริปสั้น ๆ ไม่ได้จริงจังกับการใช้งานมากขนาดนั้น เราขอแนะนำ กล้องถ่ายรูปกันน้ำแบบใช้แล้วทิ้ง ที่สามารถใช้งานได้เหมือนกัน แต่ราคาจะถูกกว่ากล้องกันน้ำทั่วไปเป็นเท่าตัวเลยค่ะ
ซึ่งด้วยความที่เป็นกล้องใช้แล้วทิ้ง ประสิทธิภาพจึงไม่ได้ดีเทียบเท่ากับกล้องถ่ายรูปกันน้ำแบบดิจิตอล ซึ่งถ้าหากนำมาถ่ายรูปเล่น ๆ สนุก ๆ ก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าหากต้องการรูปถ่ายที่ดีนั้น ขอแนะนำว่าให้ลองมองกล้องถ่ายรูปกันน้ำแบบดิจิตอลที่เป็นมือสองหรือลองมองหาอุปกรณ์อื่นอย่างเคสกันน้ำจะดีกว่าค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่เราได้แนะนำกันไปในบทความ ซึ่งก็มีหลากหลายรุ่น หลากหลายราคา แต่ก็ใช่ว่ากล้องที่แพงที่สุด จะเป็นกล้องที่ดีที่สุดเสมอไปนะคะ เพราะกล้องที่ดีที่สุดคือกล้องที่ตรงกับความต้องการของเรา เหมือนกับจิ๊กซอว์ ถ้าใหญ่จนเกินไปมันก็เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดไม่ได้ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะฉะนั้น จึงควรเลือกกล้องที่ตรงกับความต้องการของเราที่สุดดีว่า
หวังว่าหลายๆคนที่อ่านบทความนี้ จะได้ความรู้ในการเลือกซื้อกล้องถ่ายรูปกันน้ำไปพอสมควรนะคะ ถ้าใครที่อ่านบทความนี้แล้วถูกใจกล้องจนกดสั่งซื้อไปแล้วละก็ อย่าลืมมารีวิวให้ฟังกันบ้างนะคะ